"รู้มั้ยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พี่คลุกคลีในวงการลูกหนัง ที่เห็นอะไรหลายอย่างพร้อมๆกัน จนพี่เอง ยังมึนและงงมาก ว่าเราเจอกับอะไรที่บอบช้ำขนาดนี้ได้ใน 1 เกม"

เสียงของ "ซิโก้" นายใหญ่ทีมชาติไทย เกริ่นต่อหน้าผม หลังก้าวลงจากโต๊ะแถลงข่าวหลังเกมคัดบอลโลกที่อิรัก ถล่ม ไทย ไปแบบยับเยิน 4-0

ก่อนจะร่ายยาวต่ออีกว่า "เกมนี้ จริงๆเรากำลังเริ่มเซตเกมได้แล้วนะ เราเสี่ยง ส่งครบโควต้าตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังในทันที ตอนโดนนำ 2-0 ธนา และ ปีโป้ กำลังทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าเราต้องมาโดนใบแดง"

"จริงๆ ถ้าใบแดงก็ต้องใบแดงด้วยกันทั้งคู่นะพี่ว่า แต่นี่อะไรให้อิรักใบเหลือง แต่เราใบแดง แล้วเราจะกลับมาอย่างไรล่ะทีนี้"

"จากนั้นเรายังต้องเสียประทุม ออกจากสนาม แล้วยังมาเสียธนา ที่โดนเตะ จนทนกระเผล็กเล่นอยู่ร่วมๆ 30 นาที"

"ตั้งแต่เล่นฟุตบอลมา รวมถึงการมาเป็นโค้ช รู้มั้ยว่าครั้งนี้พี่เสียใจมาก เพราะรู้สึกว่าเราบอบช้ำทั้งสกอร์ บอบช้ำทั้งตัวผู้เล่น และบอบช้ำในด้านจิตใจจากพิษผู้ตัดสินจากจีน ที่เปลี่ยนให้เกมของเราจบลงทันทีโดยที่เรากำลังจะได้สู้"

"พี่หันไปซุ้มม้านั่งสำรอง น้องๆทุกคนอยากลงสนามไปช่วยเพื่อน พี่เห็นสายตาของพวกเขานะ"

"ส่วนคนที่เล่นจนครบ 90 นาที พี่ยอมรับในเลือดนักสู้ของพวกเขามาก"

เสียงของกุนซือทีมชาติไทย จบบทสนทนาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า สิ่งที่เขาสร้างทีมชุดนี้มา อาจยังไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมไทยมีแต้มติดมือในรอบนี้

เสียงกร่น เสียงด่าทอ จากแฟนบอลชาวไทยผู้ผิดหวัง กับการจัดตัว 11 คนแรก ยังถูกพูดถึงหลังจบเกม จนมาถึงตอนนี้

แต่นี่ คือสิ่งที่เขาเองก็ต้องน้อมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือไม่

แฟนบอลหวังไว้ไว้เยอะ ความผิดหวังมาเยือน บางครั้งก็เกิดอารมณ์ที่ขุ่นมัว และหาทางออกเพื่อเป็นการระบายบ้าง

แนะนำได้ หวังดีได้ วิจารณ์ได้ แต่ขอเถอะครับ วันนี้ทีมชาติไทย และ ซิโก้ เจอกับเหตุการณ์ที่หนักกว่ากองเชียร์อย่างเราเยอะ พวกเขาเสียใจกว่าพวกเราหลายเท่า

ยังไงแล้ว "พวกเขาก็คือทีมชาติไทยของพวกเราทุกคนครับ" เชียร์และให้กำลังใจกันต่อไปครับแฟนบอลชาวไทย