"ซิตี้"ล้างแค้นสำเร็จ เปิดบ้านยิ้มรับถล่ม"บาซ่า"  3-1 หน้าหงายกลับบ้าน !!!!

"ซิตี้"ล้างแค้นสำเร็จ เปิดบ้านยิ้มรับถล่ม"บาซ่า" 3-1 หน้าหงายกลับบ้าน !!!!

 

"เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ โชว์ฟอร์มเด็ดสุดสะเด่าหลังโดนก่อนแต่ยิงรวดพลิกแซงถล่ม บาร์เซโลน่า 3-1 อิลคาย กุนโดกัน ฮีโร่เหมาสองเม็ดให้ทีมคว้าชัยอย่างสะใจหลังเกมที่แล้วบุกไปพ่ายมาแบบหมดรูป ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน 2559

แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 3 - บาร์เซโลน่า (สเปน) 1

        สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม, แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

         เกมเริ่มต้นโดยแมนฯ ซิตี้ บุกเข้าหาขณะที่บาร์ซ่าแพ็กเกมรับแล้วรอโต้ และนาทีที่ 11 อเกวโร่ก็ทะลุขึ้นฝั่งขวาก่อนปาดเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าเขตโทษแล้วโดน ซามูแอล อูมติตี้ สะกิด ล้ม แต่ผู้ตัดสินวิ่งมาแจกใบเหลืองให้ปีกเจ้าบ้านโดยชี้ว่าดีดตัวหวังได้ลูกโทษ

         ขยับมาถึงนาทีที่ 20 อิวาน ราคิติช จับบอลหลุดเท้าไกล แล้วตามไปสไลด์ใส่เดอ บรอยน์ จึงได้ใบเหลืองเช่นกัน  แต่นาทีต่อมาบาร์ซ่าตัดเกมรุกของเจ้าบ้านในเขตโทษของตัวเองได้แล้วโต้เร็วขึ้นทางซ้ายโดยเนยมาร์กระชากขึ้นไปไหลเข้าเขตโทษให้เมสซี่สอดเข้าแประยะ 12 หลาเสียบเสาแรกให้ทีมจากสเปนนำ 1-0

         ถึงนาทีที่ 28 ทีมเยือนเกือบได้เฮอีกเมื่อเนยมาร์เลื้อยขึ้นทางซ้ายอีกหนแล้วหลอกล่อ จอห์น สโตนส์ ในเขตโทษก่อนกดยัดใส่มุมแคบ ดีที่กาบาเยโร่ปัดไปชนเสาได้

         และแล้ว นาทีต่อมาเนย์มาร์ก็โดนจดชื่ออีกรายหลังถูกสเตอร์ลิ่งเข้าแย่งบอลแล้วสกัดดาวเตะเจ้าบ้านล้ม

         ผ่านมาถึงครึ่งทาง บาร์ซ่าหันกลับมาเล่นเกมรุกกดดันเข้าหาทีมเรือใบตามถนัดแล้ว แต่นาทีที่ 39 เซร์กี้ โรเบร์โต้ก่อความผิดพลาดหลังโดนบีบโดยจ่ายบอลจากกราบขวามาหน้าเขตโทษตัวเอง และโดนอเกวโร่เก็บไปไหลเข้าเขตโทษ

ด้านขวาให้สเตอร์ลิงป้ายไปอีกฟากโดยมีอิลคาย กุนโดกันเข้าซัลโวหกหลาตุงตาข่ายพาเจ้าบ้านตีเสมอเป็น 1-1

         จากนั้นอีกสองนาที โรเบร์โต้โดนปั๊มแย่งบอลที่กลางสนามแล้วแฟร์นานดินโญ่ลากไปจ่ายเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่ ดาบิด ซิลบา จะตบคืนให้พ่อค้าแข้งแซมบ้าตะบันจาก 12 หลาเฉี่ยวเสาสองไปคืบเดียวโดยที่อเกวโร่ตามไปจิ้มบอลไม่ทัน จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงเจ๊ากัน 1-1

         กลับมาเล่นกันในครึ่งหลังได้สองนาที แมนฯ ซิตี้ก็น่าจะแซงนำเมื่ออเกวโร่เก็บบอลได้แล้วลากขึ้นไปแทงเข้าเขตโทษด้านขวา แต่สเตอร์ลิงแตะบอลไกลตัว สุดท้ายเลยตามไปซัดมุมแคบเข้าหน้าต่างอย่างน่าเสียดาย

         กระนั้นนาทีที่ 51 ทีมเยือนก็ก่อความผิดพลาดจนได้เมื่อ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ วิ่งไล่กวดแล้วตามไปกระแทกซิลบาล้มจากด้านหลัง จึงเสียลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านซ้าย และเป็นเดอ บรอยน์ที่ปั่นจาก 25 หลาเสียบเสาไกลโดยที่ มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น ปัดได้เพียงปลายนิ้วทำให้ทีมเจ้าบ้านแซงนำ 2-1

         ผ่านไปครบ1ชั่วโมงพอดี อเล็กซานดาร์ โคลารอฟไปบังทางวิ่งของราคิติชจึงโดนจดชื่อก่อนที่เรือใบจะเปลี่ยนแฟร์นานโดลงไปแทนแฟร์นันดินโญ่ที่เริ่มกะเผลก ขณะที่บาร์ซ่าแก้ไขสถานการณ์ด้วยการส่ง อาร์ดา ตูราน ลงสนามแทนราคิติช

         ล่วงมาถึงนาทีที่ 65 สโตนส์ทำดีเมื่อขึ้นสูงไปกดดันแย่งบอลในแดนอาคันตุกะได้ แต่จ่ายคืนหลังแย่ทำให้บาร์ซ่าเก็บไปโต้ก่อนที่ อังเดร โกเมซ จะได้ลูกจ่ายจากกราบขวาของซัวเรซกระทุ้งเหน่งๆระยะ 18 หลาส่งบอลไปชนคาน

         เกมสนุกขึ้นเป็นลำดับเมื่อต่างก็เปิดเกมรุกสู้กันเต็มที่ กระทั่งนาทีที่ 71 เรือใบก็ปล่อย เฆซุส นาบาส ลงไปแทนสเตอร์ลิง และอีกสามนาทีก็ได้โต้โดยอเกวโร่ผ่านบอลให้เดอ บรอยน์ไหลเข้าเขตโทษด้านขวาโดยมีนาบาสตามไปแปจากเส้นหลังมาหน้าประตูให้อเกวโร่เข้าฮอสโดนแขน แต่กุนโดกันตามมาเก็บตกแปดหลาไม่พลาดทำให้แมนฯ ซิตี้นำ 3-1 ก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนราฟินญ่าลงไปแทนโกเมซในนาทีที่ 77

         ช่วงที่เหลือ เรือใบสีฟ้ายังคุมสถานการณ์ได้เยี่ยม จวบจนจบเกมจึงล้างอายบาร์ซ่าได้ด้วยการซิวชัย 3-1


        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         แมนฯ ซิตี้ : วิลลี่ กาบาเยโร่ - ปาโบล ซาบาเลต้า, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - แฟร์นันดินโญ่ - ราฮีม สเตอร์ลิง, อิลคาย กุนโดกัน,  เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา -  เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน''

         สำรอง : แองกัส กันน์, แฟร์นานโด, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โนลีโต้, เฆซุส นาบาส, กาแอล กลิชี่, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่


         บาร์เซโลน่า : มาร์ค-อังเดร แทร์ ชเตเก้น - เซร์จี้ โรเบร์โต้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ซามูแอล อุมติตี้, ลูก้าส์ ดีญ - อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดร โกเมส  - ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์

         สำรอง : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, ราฟินญ่า อัลกันตาร่า, เดนิส ซูอาเรซ, อาร์ดา ตูราน, ปาโก อัลกาเซร์, นีลี่, มาร์ล่อน


         ผู้ตัดสิน : วิคเตอร์ คาสไซ (ฮังการี)