สู้ขาดใจ!! "ช้างศึก" ส่ง "ปีโป้คู่มุ้ย" เผด็จศึก"อิเหนา" ป้องแชมป์ซูซูกิ !!!

สู้ขาดใจ!! "ช้างศึก" ส่ง "ปีโป้คู่มุ้ย" เผด็จศึก"อิเหนา" ป้องแชมป์ซูซูกิ !!!

"ช้างศึก" ใส่เสื้อน้ำเงิน ส่งขีปนาวุธอย่าง สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงเล่นในแดนหน้าคู่ "กัปตันมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ที่ลุ้นเม็ดที่ 7 ในรายการนี้เพื่อเป็นสถิติเทียบเท่า "อัลเฟรด" เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ซึ่งทำไว้ในปี 1996 โดยมี "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวรุก โดยที่สถิติทีมชาติไทย เอาชนะ อินโดนีเซีย มาได้ตลอด 16 ปีที่เฝ้าในรังเหย้า นับตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งช่อง 7 สี, บั๊ก กะ บู ทีวี, ฟ็อกซ์ สปอร์ต เตรียมถ่ายทอดสดให้ชมกันถึงบ้าน ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 17 ธ.ค.นี้

         ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่งออกไปแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ต่อ อินโดนีเซีย มา 1-2 ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ไทย เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในแมตช์สอง เวลา 19.00 น. โดยช่อง 7 สี, บั๊ก กะ บู ทีวี, ฟ็อกซ์ สปอร์ต เตรียมถ่ายทอดสดให้ชมกันถึงบ้าน


         "กัปตันมุ้ย"ลงกะซวกเพื่อสถิติใหม่
 

          11 ผู้เล่นของทีมชาติไทย ที่คาดว่าจะได้ลงสนามในการพบกับ อินโดนีเซีย รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ศึก เอเอฟเอฟ ซูซกิ คัพ 2016 วันที่ 14 ธ.ค.นี้ น่าจะนำมาในระบบ 3-4-1-2 กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เฝ้าเสา แผงหลัง ประทุม ชูทอง, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์


           วิงแบ็กฝั่งซ้าย ธีราทร บุญมาทัน ยังคงบัญชาการ ฝั่งขวาจะเป็น ทริสตัน สมชาย โด คู่กลางยังคงวาง ปกเกล้า อนันต์ กับ สารัช อยู่เย็น มี "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวรุกทำเกมลากเลื้อย ขณะที่ "กัปตันมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา จะลงล่าตาข่ายเพื่อสร้างสถิติใหม่ร่วมกับ สิโรจน์ ฉัตรทอง ที่ยิงในรายการนี้ไปแล้ว 1 ประตู        
 

          ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดสอง จะเริ่มต้นนั้น หาก "กัปตันมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าของทีมชาติไทย ว่าที่ดาวซัลโวในปีนี้ ที่จ่อทำสถิติใหม่ของตัวเองขึ้นมาในปี 2016 หลังจากซัดไป 6 ลูก เท่ากับยิงไป 15 ประตูในรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เท่ากับ วรวุธ ศรีมะฆะ แต่ทำได้เร็วกว่าที่ 9 เกม


             นอกจากนี้ ธีรศิลป์ แดงดา ยิงทั้งหมด 6 ประตู เทียบเท่า ซาฟิค ราฮิม ตัวรุกของมาเลเซีย ที่เป็นดาวซัลโวในปี 2014 ด้วยการยิง 6 ลูก ขณะเดียวกัน ธีรศิลป์ แดงดา ขึ้นเป็นรองดาวซัลของทำเทียบทีมชาติไทย ในการยิงประตู เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปีเดียวถึง 6 ลูก โดยตามหลัง "อัลเฟรด" เนติพงศ์ ศรีทองอินทร์ ที่ยิงไป 7 เม็ด เมื่อปี 1996 เพียงแค่ลูกเดียว


            หาก "กัปตันมุ้ย"สามารถยิงเพิ่มได้อีก 1 ลูกในเกมนี้ เขาจะกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติไทย ที่ทำไว้ใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ดาวการซัด 16 ประตู ทำสถิติใหม่แซงหน้า วรวุธ ศรีมะฆะ ที่ยิงไป 15 ลูก นอกจากนี้ยังเป็นนักเตะไทยคนแรกในรอบ 20 ปี ที่ทำสถิติเทียบเท่า "อัลเฟรด" เนติพงศ์ ศรีทองอินทร์ ในการยิง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ปีเดียว 7 ลูก หลังจากอดีตกองหน้าทีมชาติไทยลูกครึ่งฝรั่งเศสรายนี้ เคยทำได้ในปี 1996


           ไม่เพียงเท่านั้น ธีรศิลป์ แดงดา ยังเป็นนักเตะไทยคนที่สองต่อจาก เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ และคนที่สามในรายการนี้ที่ทำได้ 7 ประตู หลังจาก อิลฮัม ฆายา เคซูม่า กองหน้าทีมชาติอินนีเซีย เคยทำได้เช่นกันในปี 2004


            แต่ถ้ายิง 2 ประตูในเกมชิงชนะเลิศ นัดสอง เขาจะกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เทียบเท่า นอร์ อลัม ชาร์ ด้วยการยิงไป 17 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้หัวหอกทีมชาติสิงคโปร์เป็นเจ้าของสถิติอยู่ ด้วยการยิงปี 2002 (1 ลูก), ปี 2004 (4 ลูก), ปี 2007 (10 ลูก) และปี 2008 (2 ลูก)


            อีกทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา จะกลายเป็นผู้เล่นคนที่สองในรายการนี้ ที่ยิงปีเดียว 8 ประตู ต่อจาก บัมบัง ปามุงกัส ที่ทำได้ในปี 2002 และจะเป็นแข้งคนแรกของทีมชาติไทย ที่ทำได้ในประวัติศาสตร์ลูกหนังอาเซียน อีกด้วย


          ขณะที่ อัลเฟรด ริดเดิ้ล กุนซืออินโดนีเซีย คงจะมาในระบบ 4-2-3-1 ให้ คูร์เนีย ไมก้า เป็นผู้รักษาประตู แผงแบ็กโฟร์จากซ้ายไปขวามี มาฮานาติ เลสตูเซน, ฮันซามู ปรานาตา, ฟารุดดิน อาร์ยานโต้, เบนนี วะห์ยูดี กองกลางใช้ บายู ปราดานา กับ อับดุล เลสตาลูอู ตัวรุกใช้ ริซกี้ โปรา, สเตฟาโน ลิลิปาลีย์, อันดิค เวอร์มันซาห์ ส่วนหน้าเป้า โบอาส โซลอสซา รับบทกัปตันทีม

  ประวัติทีมชนะเกมแรกได้แชมป์


          ตามประวัติเกมนัดชิงชนะเลิศเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ เล่นแบบ เหย้า - เยือน ไม่เคยมีทีมใดที่พ่ายแพ้ก่อนในเกมแรก สามารถพลิกกลับมาคว้าแชมป์ได้สักครั้ง ประกอบด้วย ปี 2004 (เกมแรก) สิงคโปร์ บุกชนะ อินโดนีเซีย 3-1 (เกมสอง) สิงคโปร์ชนะ 2-1 คว้าแชมป์ด้วยสกอร์รวม 5-2, ปี 2007 (เกมแรก) สิงคโปร์ เปิดบ้านชนะ ไทย 2-1 (เกมสอง) เสมอ 1-1 สิงคโปร์ชนะสกอร์รวม 3-2 ,ปี 2008 (เกมแรก) เวียดนาม บุกชนะ ไทย 2-1 (เกมสอง) เสมอ 1-1 เวียดนาม คว้าแชมป์ด้วยสกอร์รวม 3-2, ปี 2010 (เกมแรก) มาเลเซีย ชนะ อินโดนีเซีย 3-0 (เกมสอง) อินโดนีเซียชนะ 2-1 มาเลเซียคว้าแชมป์สกอร์รวม 4-2 ,ปี 2012 (เกมแรก) สิงคโปร์ ชนะ ไทย 3-1 (เกมสอง) ไทยชนะ 1-0 สิงคโปร์คว้าแชมป์ชนะสกอร์รวม 3-2 และปี 2014 (เกมแรก) ไทย ชนะ มาเลเซีย 2-0 (เกมสอง) ไทยบุกแพ้ 2-3 ไทยคว้าแชมป์สกอร์รวมชนะ 4-3

  

  สถิติชนะอิเหนารวดในบ้านถ้วยอาเซียน


          สถิติก่อนเกม เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ปรากฏว่า ผลงานพบกันทุกถ้วยของทั้งสองทีม พบกันทั้งหมดไป 76 ครั้ง ไทย ชนะ 36 เสมอ 14 แพ้ 26 ได้ 134 เสีย 86 ประตู อย่างไรก็ตามการเจอกันในถ้วยนี้ ซึ่งนับผลการแข่งขันภายใน 90 นาที มีดังนี้


           วันที่ 31 ส.ค.1998 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 3-3 (ก) ซูซูกิ คัพ รอบแรก วันที่ 5 ก.ย.1998 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 3-3 (ก) ซูซูกิ คัพ ชิงอันดับ 3, วันที่ 10 พ.ย.2000 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 4-0 (ห) ซูซูกิ คัพ รอบแรก, วันที่ 18 พ.ย.2000 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 4-1 (ห) ซูซูกิ คัพ รอบชิง, วันที่ 29 ธ.ค.2002 ไทย เสมอ อินโดนีเซีย 2-2 (ย) ซูซูกิ คัพ รอบชิง (ไทย ชนะจุดโทษ 4-2 สกอร์รวม 6-4)


          วันที่ 16 ธ.ค.2008 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 1-0 (ย) ซูซูกิ คัพ รอบรอง นัดแรก, วันที่ 20 ธ.ค.2008 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 2-1 (ห) ซูซูกิ คัพ รอบรอง นัดสอง, 7 ธ.ค.2010 ไทย แพ้ อินโดนีเซีย 1-2 (ย) ซูซูกิ คัพ รอบแรก, วันที่ 19 ธ.ค.2016 ไทย ชนะ อินโดนีเซีย 4-2 (ก) ซูซูกิ คัพ รอบแรก และวันที่ 14 ธ.ค.2016 ไทย แพ้ อินโดนีเซีย 1-2 (ย) ซูซูกิ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก สรุป พบกัน 10 ครั้ง ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2 ได้ 25 เสีย 16 ประตู


          จากสถิติที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ชัดเจนว่า การเปิดบ้านของตัวเองต้อนรับ อินโดนีเซีย ของทีมชาติไทย มีทั้งหมด 3 ครั้ง คือ ปี 2000 ชนะ 4-0 (รอบแรก), ชนะ 4-1 (รอบชิง) และ ปี  2008 ชนะ 2-1 รอบรอง นัดสอง นั่นคือการชนะรวดทั้งหมด หรือนับตั้งแต่การพบกันครั้งแรกถึงวันนี้ "ช้างศึก" ไม่เสมอหรือแพ้อิเหนามา 16 ปีเข้าให้แล้ว