สิงห์แพ้เป็นแล้ว! "อัลลี่" ฮีโร่ "ไก่" โขกเบิ้ลดับ "เชลซี" 2-0 !!

สิงห์แพ้เป็นแล้ว! "อัลลี่" ฮีโร่ "ไก่" โขกเบิ้ลดับ "เชลซี" 2-0 !!

''ไก่เดือยทอง'' ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ งัดฟอร์มสุดยอดหยุดสถิติชนะรวดในลีกของ "สิงห์บลูส์" ไว้แค่13นัดเท่านั้น หลังเปิด ไวท์ ฮาร์ท เลน ไล่อัดเชลซีไปแบบสุดมันส์ 2-0 เกมนี้ เดเล่ อัลลี่ รับบทพระเอกโขกสองประตูพาทีมเก็บสามแต้มมี42คะแนนเท่ากับ "เรือใบ" แต่ลูกได้เสียดีกว่ารั้งอันดับ 3 ตามหลังจ่าฝูง เชลซี 7คะแนน ในศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์ คืนวันพุธที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพุธที่ 4 มกราคม 2560

สเปอร์ส 2 - เชลซี 0

        สนาม: ไวท์ ฮาร์ท เลน, (ลอนดอน)

         ''ไก่เดือยทอง'' ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนตินา โชว์ฟอร์มร้อนแรงคว้าชัยมา 4 นัดติดต่อกัน ล่าสุดบุกต้อน วัตฟอร์ด กระจาย 4-1 ได้ตัว ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ แยน แฟร์ต็องเก้น พ้นโทษแบนคืนตัวจริง แต่ไม่มี เอริค ลาเมล่า ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินาที่เจ็บสะโพก

         แนวรุกวางใจ คริสเตียน เอริคเซ่น และ เดเล่ อัลลี่ ปั้นเกมสนับสนุน แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวเป้าที่ซัดไปแล้ว 10 ประตูในลีกซีซั่นนี้ และซัดได้ถึง 17 ประตู จากการลงเล่นเกมลอนดอน ดาร์บี้ แมตซ์ 17 นัดหลังสุด

         ทางด้าน ''สิงห์บลูส์'' เชลซี ทีมจ่าฝูงภายใต้การรั้งบังเหียนของ อันโตนิโอ คอนเต้ เก็บชัยมา 13 นัดติดต่อกันแล้ว หลังจากเปิดบ้านทุบ สโต๊ค ซิตี้ 4-2 โดยถ้าชนะนัดนี้ได้อีกจะทาบสถิติชนะ 14 นัด ติดต่อกันของอาร์เซน่อล เมื่อปี 2002

         นัดนี้ได้ เปโดร โรดริเกซ พ้นโทษแบนกลับมายืนเป็นสามประสานแนวรุกร่วมกับ ดีเอโก้ คอสต้า และ เอแด็น อาซาร์ พร้อมได้ เนมานย่า มาติช คุมเกมตรงกลางกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้

         เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 5 นาที เชลซี ได้โอกาสก่อนจากจังหวะที่ เนมานย่า มาติช วางบอลขึ้นหน้าให้กับ เอแด็น อาซาร์ ดาวเตะทีมชาติเบลเยียม หลุดไปยิงด้วยซ้ายทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่โดนไม่เต็ม บอลหลุดเสาสองไป

         ห้านาทีต่อมา สเปอร์ส ได้ลุ้นครั้งแรก เมื่อ มูซ่า เดมเบเล่ ลากขึ้นมาแล้วยกบอลเข้ากรอบเขตโทษจะให้ แฮร์รี่ เคน แต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารเชลซี ออกมาคว้าบอลไว้ได้ก่อน

         จากนั้นนาทีที่ 16 ไก่เดือยทอง ได้โอกาสต่อเนื่อง เอริคเซ่น เปิดฟรีคิกเข้าไป โดนผู้เล่นเชลซี สกัดมาเข้าทางของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ยิงด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลหลุดกรอบไป

         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 18 เปโดร โรดริเกซ ปีกชาวสเปนของเชลซี โดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังจากไปสไลด์เสียบ แดนนี่ โรส ที่ลากบอลผ่านเข้าไปได้แล้ว

         ผ่านมา 24 นาที เจ้าถิ่นคุมเกมได้ดีกว่า น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเดนมาร์ก กระชากเร็วขึ้นมา ก่อนซัดด้วยขวาจากหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งวาบถากเสาไปนิดเดียวเท่านั้น

         เชลซี มีโอกาสเช่นกันในนาทีที่ 36 เมื่อ อาซาร์ ไหลจากซ้ายมาให้กับ ดีเอโก้ คอสต้า กดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไปไกล

         สามนาทีต่อมา สเปอร์ส ได้ฟรีคิกทางด้านขวา แดนนี่ โรส โยนโค้งมาเสาสองให้ เอริค ดายเออร์ โหม่งชงกลับเข้ากลาง แต่ กูร์กตัวส์ นายทวารเชลซี ปัดทิ้งมาได้ทัน

         มาถึงนาทีที่ 40 วิคเตอร์ วานยาม่า กองกลางชาวเคนยา ของสเปอร์ส ไปเสียบ อาซาร์ คว่ำ รับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเจ้าถิ่น

         ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+1 ไก่เดือยทอง มาได้ประตูขึ้นนำก่อนจนได้จากจังหวะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น โยนจากกราบขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เดเล่ อัลลี่ ขึ้นขวิดผ่าน กูร์กตัวส์ นายทวารเชลซี เข้าไปอย่างสุดสวยช่วยให้สเปอร์ส ขึ้นนำก่อน 1-0 เมื่อหมดครึ่งแรก และเป็นประตูที่ 9 ของอัลลี่ ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้แล้ว

          เข้าสู่ครึ่งหลังเชลซีโหมบุกทันที มีโอกาสในนาทีที่ 47 ดีเอโก้ คอสต้า ได้ซัดริมกรอบเขตโทษ แต่โยริสนายทวารสเปอร์สล้มตัวปัดไว้ได้

         นาทีต่อมา ทีมเยือนมีลุ้นอีกครั้ง มาร์กอส อลอนโซ่ ได้โขกในกรอบเขตโทษตั้งให้ เอแด็น อาซาร์ โหม่งจ่อๆ ทางกรอบเขตโทษด้านขวาแค่ 6 หลา บอลหลุดเสาไปอย่างไม่น่าเชื่อ

           ทัพไก่เดือยทองโต้ขึ้นมาบ้างมีโอกาสในนาทีที่ 51 เดมเบเล่จ่ายให้กับเอริคเซ่นกดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลหลุดเสาซ้ายไป

         ถัดมาสามนาที สเปอร์สนำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น โยนจากกราบขวาไปเสาสองให้กับ เดเล่ อัลลี่ เทกตัวโหม่งเล่นทางส่งบอลย้อนเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่สองของอัลลี่ในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 10 ของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้

         เชลซีอยู่ไม่ได้แล้วต้องแก้เกมบ้าง เปลี่ยนผู้เล่นคนแรกให้วิลเลี่ยน ดาวเตะชาวบราซิล ลงมาเสริมเกมรุกแล้วถอด มาร์กอส อลอนโซ่ ออกมาพักในนาทีที่ 65

         กระเถิบมานาทีที่ 74 สเปอร์สเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกให้ แฮร์รี่ วิงค์ส ลงเล่นในแดนกลางแทนเดมเบเล่

         สามนาทีให้หลัง ไก่เดือยทองได้ฟรีคิกระยะหวังผล คริสเตียน เอริคเซ่น ปั่นด้วยขวาบอลเลี้ยวหลุดเสาไป

         เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม สเปอร์สเปิดรังชนะเชลซีทีมจ่าฝูง 2-0 เก็บชัยเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก เขยิบแซงขึ้นมารั้งอันดับสามของตารางคะแนนมี 42 คะแนนเท่ากับ แมนฯซิตี้ แต่ลูกได้เสียดีกว่า พร้อมกับหยุดสถิติชนะรวด 13 นัดของเชลซีในลีกลงได้สำเร็จ


        รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         สเปอร์ส: อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - เอริค ดายเออร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น -ไคล์ วอล์คเกอร์, มูซ่า เดมเบเล่, วิคเตอร์ วานยาม่า, แดนนี่ โรส - เดเล่ อัลลี่, คริสเตียน เอริคเซ่น - แฮร์รี่ เคน

         สำรอง: มิเชล ฟอร์ม (ผู้รักษาประตู) - คีแรน ทริปเปียร์, เควิน วิมเมอร์, เบน เดวิส, แฮร์รี่ วิงค์ส, มุสซ่า ซิสโซโก้, ซน ฮึง-มิน


         เชลซี: ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์ (กัปตันทีม) - วิคเตอร์ โมเสส, เนมานย่า มาติช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ - เปโดร โรดริเกซ, ดีเอโก้ คอสต้า, เอแด็น อาซาร์

         สำรอง: อัสเมียร์ เบโกวิช (ผู้รักษาประตู) - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, คูร์ท ซูม่า, เนธาเนียล ชาโลบาห์, วิลเลี่ยน, เชส ฟาเบรกาส, มิชี่ บาตชูอายี่


         ผู้ตัดสิน: มาร์ติน แอ็ตกินสัน