ปรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอังคารที่ 31 มกราคม 2560
ลิเวอร์พูล(4)  -  เชลซี(1)
ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1 (เวลา : 03.00 น.)

สนาม : แอนฟิลด์

        บิ๊กแมตช์นัดที่ 23 ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 เปิดบ้านรับมือ เชลซี จ่าฝูง ที่มีแต้มห่างกันอยู่ 10 คะแนน

        ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงเสียขวัญ หลังแพ้คารัง แอนฟิลด์ 3 นัดติดแล้ว ตั้งแต่เกมลีกที่แพ้ สวอนซี 2-3, ลีกคัพ แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 และเอฟเอ คัพ แพ้ วูลฟ์ส 1-2

        ทำให้ เริ่มปี 2017 มาแล้ว 8 นัดรวมทุกถ้วย เดอะ เร้ดส์ เพิ่งชนะเกมเดียวเท่านั้น ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ ที่บุกเชือด พลีมัธ ทีมลีกทู 1-0

        กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงขาด เนธาเนียล ไคลน์ แบ็กขวาที่เจ็บซี่โครง หลังไม่มีชื่อทั้งเกมลีกคัพ และเอฟเอ คัพ และดาวรุ่ง โอวี่ เอจาเรีย เจ็บข้อเท้า

        ในราย ซาดิโอ มาเน่ กองหน้าเซเนกัล ที่เพิ่งตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ล่าสุดจับขึ้นเครื่องบินกลับมาถึงอังกฤษเมื่อวันจันทร์ และอาจมีชื่อสำรองเกมนี้ทันที แม้จะได้ลงซ้อมแค่ช่วงเดียวก่อนหน้าเกมหนึ่งชั่วโมงก็ตาม

        การจัดทัพ คล็อปป์ จะเรียกตัวหลักกลับมาทั้งหมด เริ่มจาก ซิมง มินโญเลต์ ลงเฝ้าเสา แผงหลัง เนธาเนียล ไคลน์, โจเอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์

        แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุมเกมกับ เอ็มเร่ ชาน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม แนวรุก อดัม ลัลลาน่า ประสานงานกับ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนียล สเตอร์ริดจ์

        ด้าน เชลซี ของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ กลับมาชนะ 4 นัดรวดแล้ว เป็นเกมลีก 2 นัด และ เอฟเอ คัพ 2 นัด ล่าสุดรอบ 4 ผ่าน เบรนท์ฟอร์ด 4-0

        ทำให้ยอดรวม 19 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ สิงโตน้ำเงินคราม ชนะถึง 17 นัด และแพ้แค่ 2 นัด

        คอนเต้ ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ อาจขาดเพียง 2 ตัวสำรอง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กับ อัสเมียร์ เบโกวิช ที่มีข่าวเตรียมย้ายทีมก่อนตลาดปิด

        กุนซือชาวอิตาเลียน พร้อมเรียกตัวหลักกลับมาแบบยกชุด หลังเปลี่ยนทีมถึง 9 ตำแหน่งลงเล่นเกมบอลถ้วยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

        ตำแหน่งผู้รักษาประตูเรียก ติโบต์ กูร์กตัวส์ กลับมาเฝ้าเสา แผงหลัง เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์ โดยมี วิคเตอร์ โมเสส กับ มาร์กอส อลอนโซ่ วิงแบ็ก

        แดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คุมเกมกับ เนมานย่า มาติช

        ส่วน 3 แนวรุกยิงในลีกรวมกันแล้วถึง 30 ประตูในซีซั่นนี้ เปโดร โรดริเดซ (6), เอแดน อาซาร์ (9) และหน้าเป้า ดีเอโก้ คอสต้า (15) ผู้นำร่วมดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเลต์, เนธาเนียล ไคลน์, โจเอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนียล สเตอร์ริดจ์

        เชลซี : ติโบต์ กูร์กตัวส์, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์, วิคเตอร์ โมเสส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เนมานย่า มาติช, มาร์กอส อลอนโซ่, เปโดร โรดริเดซ, เอแดน อาซาร์, ดีเอโก้ คอสต้า

        ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล๊ทเทนเบิร์ก

ผลงานการพบกันที่บ้านลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูลชนะ 49 เชลซีชนะ 11 เสมอ 20
ประตูที่ทำได้ : ลิเวอร์พูล 157 ลูก เชลซี 83 ลูก

- นี่เป็นการเจอกันครั้งที่ 70 ในยุคพรีเมียร์ลีก เป็นคู่ที่เจอกันมากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
- ลิเวอร์พูลมีโอกาสชนะเชลซีทั้งในและนอกบ้านฤดูกาลเดียวกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12
- เชลซีไม่แพ้ใน 4 เกมลีกหลังสุดที่เยือนแอนฟิลด์ (ชนะ 2 เสมอ 2) โดยหนล่าสุดที่แพ้ เกิดขึ้นเมื่อพฤษภาคม 2012
- ในบรรดาผู้เล่นที่ลงสนามอย่างน้อย 20 นัดในลีก ดีเอโก้ คอสต้า ยิงประตูคิดเป็นอัตราส่วนมากที่สุดในลีก (55.4% : 41 จาก 74)
- คอสต้าทำประตูได้ 15 จาก 21 เกมลีกหลังสุด (ทั้งหมด 16 ประตู)
- หากคิดด้วยระบบชนะได้ 3 แต้ม มีเพียง 4 ทีมในลีกสูงสุดที่เก็บแต้มจาก 22 นัดได้มากกว่าเชลซีฤดูกาลนี้ (55) นั่นคือ เปรสตัน (1888-89), สเปอร์ส (1960-61), ลิเวอร์พูล (1987-88) และลิเวอร์พูล (2005-06) โดยทั้ง 4 ทีมต่างคว้าแชมป์ลีก
- อันโตนิโอ คอนเต้ คุมทีมเพียง 22 นัดในการพาทีมเก็บ 55 แต้มในพรีเมียร์ลีก เป็นสถิติสูงสุดร่วมกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ในขณะเดียวกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องคุมทีมถึง 34 นัดเพื่อเก็บแต้มจำนวนดังกล่าวได้
- เจอร์เก้น คล็อปป์ แพ้แค่ครั้งเดียวจาก 14 เกมลีกที่พบบิ๊กซิกซ์ (แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้, เชลซี, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล) โดยชนะ 6 เสมอ 7 จากจำนวนดังกล่าว
- ลิเวอร์พูลได้แต้มเดียวจาก 3 เกมลีกที่ ซาดิโอ มาเน่ พลาดลงสนามในฤดูกาลนี้ (เสมอ 1 แพ้ 2) โดยแข้งเซเนกัลมีส่วนร่วม 13 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ (ยิง 9, จ่าย 4)

ผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (บ้านลิเวอร์พูล)
ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี    1-1
12 พฤษภาคม 2016 ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
ผู้ทำประตู : 0-1 เอแด็น อาซาร์ น.32, 1-1 คริสติย็อง เบนเตเก้ น.90+2