สองคีย์แมนทัพ ''ช้างศึก'' ทีมชาติไทย จากค่าย ''กิเลนผยอง'' เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ''มุ้ย'' ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติไทย และ '' ตังค์'' สารัช อยู่เย็น มิดฟิลด์เชิงสูง ต่างออกมายอมรับว่าการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย กลุ่ม บี ที่เหลืออีก 5 นัด วันที่ 23 มี.ค. 60 พบ ซาอุดีอาระเบีย (เหย้า), วันที่ 28 มี.ค. 60 พบ ญี่ปุ่น (เยือน), วันที่ 13 มิ.ย. 60 พบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เหย้า), วันที่ 31 ส.ค. 60 พบ อิรัก (เหย้า) และวันที่ 5 ก.ย. 60 พบ ออสเตรเลีย (เยือน) เป็นงานที่สุดหินมาก แม้ว่าจะมี 3 เกมให้ลงสนามในบ้านก็ตาม แต่ก็ยังเชื่อว่าจากสภาพแวดล้อม การเตรียมทีม ความสัมพันธ์ สปิริต รวมถึงเสียงเชียร์ แรงหนุนจากแฟนบอลในสนามราชมังคลากีฬาสถาน จะเป็นส่วนสำคัญให้ทัพจากแดนสยามมีความกระหายเพิ่มขึ้น และมีสิทธิ์เป็นไปได้ที่จะเอาชนะ 3 ยอดทีมจากตะวันออกกลางเช่นกัน

         โดยทาง ''มุ้ย'' ธีรศิลป์ แดงดา ได้กล่าวว่า ''การที่ทีมชาติไทยเดินทางผ่านเข้ามาเล่นถึงรอบนี้ได้ เรียกว่ายอดเยี่ยมแล้ว หลังจากที่ทัพช้างศึกห่างหายจากการผ่านเข้ารอบนี้มานานมาก ซึ่งทุกคนในทีมรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะผ่านไปเล่นรอบสุดท้าย แต่ด้วยผลงานที่ผ่านมา ทำให้แฟนบอลตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง ซึ่งทุกคนเข้าใจ และพยายามทำงานหนักเพื่อให้มีผลงานที่ดีที่สุด และแสดงให้เห็นแล้วว่าทุกครั้งที่ลงสนาม ทีมชาติไทยของเราสู้ได้แทบจะไม่เป็นรอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการห่างหายจากเวทีระดับเอเชียไปนาน ทำให้มาตรฐานของเรามีความแตกต่างกันระหว่างอาเซียนกับเอเชีย''

         ธีรศิลป์ แดงดา ยังกล่าวต่ออีกว่า ''ทว่าอย่างไร เกมที่ผ่านมาการเก็บได้เพียงแต้มเดียวก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร เพราะทุกคนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเต็มที่กับทุกเกม และมีโอกาสเช่นกัน ดังนั้นเกมที่จะได้กลับมาเล่นในบ้านอีก 3 นัด กับทีมตะวันออกกลาง เราต้องทำการบ้านเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด ผมยังเชื่อว่าเราสู้ได้ แม้ว่าจะเป็นงานที่ยากก็ตาม และหากสุดท้ายแล้วไม่ว่าผลงานจะเป็นเช่นไร อย่างนี้ทีมชุดนี้ก็คือทีมแห่งอนาคต เนื่องจากในปี 2019 ทีมชาติไทยได้ผ่านเข้าไปเล่นเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ซึ่งนักเตะทั้งหมดคือกลุ่มเดียวกันนี้ ที่เล่นด้วยกันมาตลอด เชื่อว่าจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมแน่ จากประสบการณ์การเล่นฟุตบอลโลกคราวนี้ และได้นำไปใช้ในการแข่งขันเอเชียน คัพ แน่นอน''

         ด้าน ''ตังค์'' สารัช อยู่เย็น กล่าวถึงการแข่งขันที่เหลืออีก 5 นัดว่า ''ยอมรับเป็นเกมที่ยากและหินทุกนัด แม้ว่าจะได้เล่นในบ้าน ทว่าการมีเสียงเชียร์ แฟนบอลที่คอยหนุน การเตรียมความพร้อมที่ดี และหากว่านักเตะแกนหลักไม่มีอาการล้าหรือบาดเจ็บ ยังเชื่อมั่นทุกคนว่าสู้ได้อย่างสนุก และก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะได้เหมือนกัน ส่วนเกมเยือนทั้งออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ก็ถือว่าทุกคนต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มาก เพราะรู้กันดีไม่ง่ายแน่นอนที่จะไปเอาชนะญี่ปุ่นในบ้าน หรือแม้กระทั่งออสเตรเลียที่เราเคยเสมอแบบน่าจะชนะก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราหรือผมจะยอมแพ้ เมื่อลงไปในสนามผมและเพื่อนๆ ทุกคนก็พร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่ เพื่อชื่อเสียงของตัวเอง และของประเทศไทย รวมถึงเล่นเพื่อกองเชียร์แฟนบอลชาวไทย และจะรวมไปถึงตัวแทนทีมจากอาเซียนด้วย''

         ขณะเดียวกัน ทาง ''กอล์ฟ'' อดิศักดิ์ ไกรษร อีกหนึ่งกองหน้าตัวเก่งจากค่ายเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และทีมชาติไทย ที่หายจากอาการบาดเจ็บรบกวนแล้ว และทางกุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ''ซิโก้'' เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ออกมาเผยได้ติดตามดูผลงานอยู่ตลอด และน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของทีมชาติไทยด้วยนั้น

         ทาง ''เจ้ากอล์ฟ'' ได้ออกมากล่าวว่า ''ตอนนี้ขอโฟกัสทีละก้าว เนื่องจากเพิ่งจะหายเจ็บกลับมา ซึ่งอย่างแรกต้องพยายามลงสนามอย่างต่อเนื่องให้ต้นสังกัดก่อน ส่วนทีมชาติไทยเป็นเป้าหมายสูงสุดอยู่แล้ว ซึ่งหากจะกลับไปติดทีมชาติให้ได้อีกครั้ง ต้องสร้างผลงานในสโมสรให้ดีก่อน ทำให้ตอนนี้สิ่งแรกที่ขอโฟกัส คือการกลับมายึดตัวจริงในทีมให้ได้''